โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ
วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
ระบบสุริยะโฉมใหม่
ระบบสุริยะ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ระวังสับสนกับ จักรวาล
![]()
ภาพแสดงดาวเคราะห์และดาวเคราะห์แคระในระบบสุริยะ โดยย่อขนาดของดาวตามอัตราส่วนจริง แต่ระยะห่างระหว่างดาวไม่ใช่อัตราส่วนจริง
| |
อายุ | 4.568 พันล้านปี |
---|---|
ที่ตั้ง | เมฆดวงดาวท้องถิ่น, ฟองท้องถิ่น,แขนของเทพนิยาย, ทางช้างเผือก |
มวลของระบบ | 1.0014 มวลสุริยะ |
ดวงดาวที่ใกล้ที่สุด | ระบบพร็อกซิมาคนครึ่งม้า (4.22 ปีแสง), ระบบอัลฟาคนครึ่งม้า(4.37 ปีแสง) |
ระบบดาวเคราะห์ที่ใกล้ที่สุดที่รู้จักกัน | ระบบอัลฟาคนครึ่งม้า (4.37 ปีแสง) |
ระบบดาวเคราะห์ | |
กึ่งแกนหลักของเปลือกนอก ดาวเคราะห์ (เนปจูน) | 4.503 พันล้านกิโลเมตร (30.10AU) |
ระยะห่างจากแถบไคเปอร์หน้าผา | 50 AU |
จำนวน ดาว | 1 ดวง ดวงอาทิตย์ |
จำนวน ดาวเคราะห์ | 8 ดวง ดาวพุธ, ดาวศุกร์, โลก, ดาวอังคาร,ดาวพฤหัสบดี, ดาวเสาร์, ดาวยูเรนัส, ดาวเนปจูน |
จำนวนดาวเคราะห์แคระที่รู้จักกัน | 5 (IAU) ซีรีส, ดาวพลูโต, เฮาเมอา, มาคีมาคี, อีริส และหลายร้อยดวงอื่น ๆ[1] |
จำนวนบริวารที่รู้จักกัน | 406 ดวง (176 ของดาวเคราะห์[2]และ 230 ของดาวเคราะห์น้อย[3]) |
จำนวนดาวเคราะห์น้อยที่รู้จักกัน | 603,057 ดวง (จากข้อมูลเมื่อ 2013-01-10)[2] |
จำนวนดาวหางที่รู้จักกัน | 3,184 ดวง (จากข้อมูลเมื่อ 2013-01-10)[2] |
จำนวนดาวเทียมรอบที่ระบุ | 19 ดวง |
วงโคจรเกี่ยวกับศูนย์กลางดาราจักร | |
Inclination ofinvariable plane to the galactic plane | 60.19° (ecliptic) |
ระยะทางไปยังศูนย์กลางทางช้างเผือก | 27,000±1,000 ปีแสง |
ความเร็วโคจร | 220 กิโลเมตรต่อวินาที |
ระยะเวลาการโคจร | 225–250 ล้านปี |
คุณสมบัติระดับที่เกี่ยวข้อง | |
ชนิดสเปกตรัม | G2V |
แถวน้ำแข็ง | ≈5 AU[4] |
Distance toheliopause | ≈120 AU |
รัศมีทรงกลมเนินเขา | ≈1–2 ปีแสง |
![]() |
บทความนี้ใช้ระบบคริสต์ศักราช เพราะอ้างอิงคริสต์ศักราชและคริสต์ศตวรรษ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง
|
ระบบสุริยะ (อังกฤษ: Solar System) ประกอบด้วยดวงอาทิตย์และวัตถุอื่น ๆ ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์เนื่องจากแรงโน้มถ่วง ได้แก่ ดาวเคราะห์ 8 ดวงกับดวงจันทร์บริวารที่ค้นพบแล้ว 166 ดวง[5] ดาวเคราะห์แคระ 5 ดวงกับดวงจันทร์บริวารที่ค้นพบแล้ว 4 ดวง กับวัตถุขนาดเล็กอื่น ๆ อีกนับล้านชิ้น ซึ่งรวมถึง ดาวเคราะห์น้อย วัตถุในแถบไคเปอร์ ดาวหาง สะเก็ดดาว และฝุ่นระหว่างดาวเคราะห์
โดยทั่วไปแล้วจะแบ่งย่านต่าง ๆ ของระบบสุริยะ นับจากดวงอาทิตย์ออกมาดังนี้คือ ดาวเคราะห์ชั้นในจำนวน 4 ดวง แถบดาวเคราะห์น้อย ดาวเคราะห์ขนาดใหญ่รอบนอกจำนวน 4 ดวง และแถบไคเปอร์ซึ่งประกอบด้วยวัตถุที่เย็นจัดเป็นน้ำแข็ง พ้นจากแถบไคเปอร์ออกไปเป็นเขตแถบจานกระจาย ขอบเขตเฮลิโอพอส (เขตแดนตามทฤษฎีที่ซึ่งลมสุริยะสิ้นกำลังลงเนื่องจากมวลสารระหว่างดวงดาว) และพ้นไปจากนั้นคือย่านของเมฆออร์ต
กระแสพลาสมาที่ไหลออกจากดวงอาทิตย์ (หรือลมสุริยะ) จะแผ่ตัวไปทั่วระบบสุริยะ สร้างโพรงขนาดใหญ่ขึ้นในสสารระหว่างดาวเรียกกันว่า เฮลิโอสเฟียร์ ซึ่งขยายออกไปจากใจกลางของแถบจานกระจาย
ดาวเคราะห์ชั้นเอกทั้ง 8 ดวงในระบบสุริยะ เรียงลำดับจากใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดออกไป มีดังนี้คือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน
นับถึงกลางปี ค.ศ. 2008 วัตถุขนาดย่อมกว่าดาวเคราะห์จำนวน 5 ดวง ได้รับการจัดระดับให้เป็นดาวเคราะห์แคระ ได้แก่ ซีรีสในแถบดาวเคราะห์น้อย กับวัตถุอีก 4 ดวงที่โคจรรอบดวงอาทิตย์อยู่ในย่านพ้นดาวเนปจูน คือ ดาวพลูโต (ซึ่งเดิมเคยถูกจัดระดับไว้เป็นดาวเคราะห์) เฮาเมอา มาคีมาคี และ อีรีส
มีดาวเคราะห์ 6 ดวงและดาวเคราะห์แคระ 3 ดวงที่มีดาวบริวารโคจรอยู่รอบ ๆ เราเรียกดาวบริวารเหล่านี้ว่า "ดวงจันทร์" ตามอย่างดวงจันทร์ของโลก นอกจากนี้ดาวเคราะห์ชั้นนอกยังมีวงแหวนดาวเคราะห์อยู่รอบตัวอันประกอบด้วยเศษฝุ่นและอนุภาคขนาดเล็ก
สำหรับคำว่า ระบบดาวเคราะห์ ใช้เมื่อกล่าวถึงระบบดาวโดยทั่วไปที่มีวัตถุต่าง ๆ โคจรรอบดาวฤกษ์ คำว่า "ระบบสุริยะ" ควรใช้เฉพาะกับระบบดาวเคราะห์ที่มีโลกเป็นสมาชิก และไม่ควรเรียกว่า "ระบบสุริยจักรวาล" อย่างที่เรียกกันติดปาก เนื่องจากไม่เกี่ยวข้องกับคำว่า "จักรวาล" ตามนัยที่ใช้ในปัจจุบัน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)